25 ปีที่ผ่านมา โค้ชต่างจากเดิมไหม
25 ปีที่ผ่านมา โค้ชต่างจากเดิมไหม
โค้ชชิ่ง เริ่มจากไหน
เมื่อจัดตู้หนังสือแล้วพบว่า อ.รงค์ เรียนเรื่องการโค้ชชิ่งมาตั้งแต่ปี 1996 มีการนำไปใช้และบันทึกการโค้ชอย่างเป็นระบบตั้งแต่เมื่อ 25 ปีที่แล้ว
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงสามารถพัฒนาทีมงานให้ได้ยอดขายตามเป้าที่ตั้งไว้ และทำไมถึงสามารถตัดจบได้เมื่องานเสร็จ ไม่ได้ผูกเอาไว้ว่าฉันเป็นผู้ฟูมฟัก ฉันต้องได้รับรางวัลร่วมกับเธอ เป็นต้น เพราะกรอบความคิดและการกระทำสอดคล้องกันอย่างแท้จริง
โค้ชชิ่ง เมื่อ 25 ปีที่แล้ว
เริ่มจาก Sales Coaching ที่ผู้นำต้องสร้างทีมขาย ไม่ใช่แค่สอนทักษะการขาย แต่สมัยนั้นมีความเชื่อด้วยว่าแต่ละคนมีศักยภาพเป็นของตัวเอง โค้ชทำหน้าที่ปลดปล่อยศักยภาพของเขา และให้เขาได้ออกแบบการลงมือทำด้วยตนเอง เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ได้ตกลงร่วมกัน
บทบาทของโค้ชซึ่งเป็นผู้นำของทีม ยังต้องพูดคุยเพื่อเข้าใจซึ่งกันและกันว่าสมาชิกในทีมแต่ละคนนั้นมีเป้าหมายในอาชีพของตัวเองอย่างไร มองอนาคตของตัวเองว่าอยู่ตรงไหน เมื่อผู้นำจะมอบหมายสิ่งใดก็สามารถเชื่อมโยงกิจกรรมนั้นๆกับเป้าหมายของบุคลากรคนนั้นได้ และยังสามารถเสริมทักษะที่จำเป็น ความรู้ที่สูงกว่าหรือมากกว่าสิ่งที่เขามีอยู่ในขณะนั้นเพื่อให้เขามีครบทั้งความรู้ ทักษะ และเสริมด้วยทัศนคติที่จำเป็นเพื่อส่งเสริมให้เขาก้าวไปข้างหน้าได้
การได้พูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อถามไถ่ถึงผลงาน ความก้าวหน้า สิ่งที่กังวลใจ ความท้าทาย รวมทั้งสิ่งที่ต้องการให้สนับสนุน ทำให้ทั้งผู้นำและสมาชิกในทีมได้มีความเชื่อมโยงกันทั้งด้านความคิด การกระทำ และความรู้สึก ทั้งในระดับบุคคล ทีม และผลงาน ไปพร้อมๆกัน
โค้ชชิ่ง ณ ขณะนี้
ถ้าเปิดแฟ้มเก่าดูเร็วๆ นอกจากกระดาษที่เหลือง ตัวอักษรที่ซีดจาง รูปประกอบที่เชยๆ ส่วนที่เป็นกรอบแนวคิดกลับไม่แตกต่างจากสิ่งที่เราเรียนรู้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เลย
ความเชื่อในศักยภาพของคน ยังคงอยู่ การให้เกียรติกับสมาชิกในทีมด้วยการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา การฟังเพื่อเข้าใจว่าเขามีเป้าหมายอะไร เขามีความเห็นอย่างไร การให้ฟื้นที่ในการพูดคุยได้อย่างเปิดเผยและสบายใจ เขาได้พูดและมีคนรับฟังว่าเขาต้องการทำอะไร มีแผนงานอย่างไร เพราะอะไร สิ่งเหล่านี้ได้รับการบรรจุไว้ใน สมรรถนะของโค้ช (ICF Coach Core Competencies) ทั้งสิ้น
โค้ชชิ่ง ต่อจากนี้ไป
การสนทนาอย่างมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน มีวาระที่เข้าใจตรงกัน การพูดคุยที่เปิดเผยไม่ซ่อนเร้น การดึงศักยภาพที่มีออกมาใช้ เพื่อบรรลุเป้าหมายขณะนี้ และสอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการไปให้ถึงในอนาคต ด้วยการสนับสนุนทางความรู้ ทักษะ และการมีผู้ร่วมคิด ร่วมฟัง ร่วมสะท้อน เชื่อว่ายังคงอยู่ในกระแสหลักของการพัฒนาบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งเน้นการพัฒนาทีมขาย พัฒนาบุคลากรในหน่วยงานต่างๆ การพัฒนาผู้นำ หรือแม้แต่การพัฒนาบุคคลให้เขาเติบโตไปแบบที่เขามุ่งหวังไว้
