ความเข้าใจเกี่ยวกับ Executive Coach
บทสนทนานี้เป็นจินตนาการของผู้เขียน ซึ่งถอดบทเรียนจากการติดตามและศึกษาจาก อ.เกรียงศักดิ์ นิรัติพัฒนะศัย และบทสัมภาษณ์และสัมมนาของ Dr. Marshall Goldsmith
D: การโค้ชคืออะไร
M: การสอนไม่มีผลลัพธ์เป็นรูปธรรมว่าคนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วนะ เราไม่รู้ว่าทัศนคติ นิสัย เปลี่ยนไปหรือเปล่า แต่การโค้ชนั้นผลลัพธ์จับต้องได้ เรามีกรอบระยะเวลาว่าต้องทำอะไรบ้าง เมื่อถึงปลายทางจะเห็นว่าเจาได้ก้าวข้ามจุดนั้นไปหรือยัง ดังนั้นการสอนคือ I understand แต่การโค้ชทำให้ I do
K: การโค้ช คือ เพื่อน ชวน คิด คือเราชวนเขาคิดให้เขาได้แสดงความเก่งออกมาและลงมือแก้ปัญหาหรือเดินหน้าต่อไปได้ด้วยตัวเอง
D: แล้วคนเก่งๆเหล่านี้เขามาโค้ชเรื่องอะไรกันบ้างคะ
M: คุณลองคิดดูนะ คนเหล่านี้เก่งมากและทำเรื่องยอดเยี่ยมมาตลอด สิ่งที่เขามีคล้ายๆกันคือ ค่อนข้างรั้น เชื่อมั่นในความคิดตัวเอง ไม่ค่อยฟังคนอื่นเท่าไร คนที่ต้องการจะเป็นผู้บริหารที่ดีขึ้นจะต้องฟังให้ดีขึ้น ลดทิฐิลง เปิดใจรับฟังความคิดเห็นคนรอบข้างมากขึ้น
K: ประสบการณ์ที่ผมเจอก็คล้ายๆกันนะครับ ผู้บริหารมักไม่ค่อยมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับตัวเอง มีอัตตาที่ไม่เหมาะสม และฟังไม่ค่อยเก่ง ผมพบว่าหากเขามีความตระหนักถึงพฤติกรรมของตัวเองว่ามีผลกระทบอย่างไรต่อผู้อื่นหรือต่อผลงาน ด้วยการมีอัตตาในระดับที่เหมาะสมหรือ healthy ego และฟังให้ดีขึ้นกว่าเดิม บรรยากาศรอบๆตัวเขาก็จะดีขึ้น งานก็จะดีขึ้นด้วยครับ
D: เรื่องแบบนี้คนรอบตัวเขาบอกเขาไม่ได้เหรอคะ
K: คุณลองคิดดูนะ แต่ละวันจะมีพนักงานกี่คนที่อยากกินข้าว ดื่มกาแฟ กับผู้บริหารบ้าง ผมว่าไม่ค่อยมีนะ อย่าว่าแต่ไปสะท้อนความจริงให้ฟังเลย แค่กินข้าว พูดคุยสบายๆยังไม่อยากเลย
M: ใช่ครับ ยิ่งคนมีอำนาจมากก็ยิ่งไม่ชอบคนที่พูดอะไรไม่ค่อยเข้าหู วันๆก็เลยได้ยินแต่เรื่องที่อยากได้ยิน ซึ่งอาจไม่ใช่ความจริง
D: แล้วเมื่อไรพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงได้คะ
K: อย่างที่ผมบอกไปแล้วครับว่าเมื่อมี awareness และยอมรับได้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาเหล่านั้น เขาก็จะค่อยๆแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้ครับ
M: ใช่ครับ คนส่วนมากไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนแปลงครับ แต่เมื่อเขาเริ่มยอมรับว่าตัวเองมีข้อผิดพลาด มีจุดบกพร่อง ก็จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงได้ครับ
D: แล้วตัวโค้ชเองหล่ะคะ ต้องเก่งแค่ไหนถึงจะโค้ชผู้บริหารได้
K: ผมบอกได้เลยครับว่า 1 ใน 3 นั้นเฟล เราไม่ใช่ผู้มีอำนาจที่จะไปบังคับให้เขาทำหรือไม่ทำอะไร ที่สำคัญเขาต้องมีความพร้อมและต้องลงมือทำด้วยตัวเองถึงจะสำเร็จครับ
M: ผมทำได้แค่ช่วยให้เขาเข้าใกล้สิ่งที่เขาอยากเป็นหรืออยากไปให้ถึง ผมไม่ได้ชี้ชะตาว่าคุณต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้สิ เพราะมันต้องมาจากภายในตัวเขาเอง
D: แล้วโค้ชต้องมีโค้ชด้วยไหมคะ
M: ผมไม่มีโค้ช แต่ผมจ้างคนๆหนึ่งโทรมาหาผมทุกวัน เพื่อฟังผมอ่านคำถามและคำตอบที่ใช้กระตุ้นตัวเองให้มีสติ ให้รู้ว่าผมอยู่จุดไหนแล้ว เพราะผมรู้ว่าผมไม่มีวินัยมากพอที่จะทำแบบนี้ด้วยตัวเอง ผมยอมรับและต้องการความช่วยเหลือจากใครบางคน คนเรามีเรื่องที่ต้องพัฒนาเสมอๆนะครับ
K: ผมมีทั้งโค้ชและคนที่คอยโทรหาผมทุกวันเพื่อคอยกระตุ้นให้ผมทำบางสิ่งบางอย่างที่วางแผนลงมือทำในช่วงนั้นครับ เมื่อผมต้องการพัฒนาตัวเองให้ไปสู่ระดับที่ดีกว่า ผมวางแผน และถ้าต้องมีคนคอยกระตุ้นหรือร่วมเดินทาง ผมก็ไม่ลังเลครับ